บทที่ ๕

ทันทีที่กลับมาถึงห้อง ผมตรงไปที่ขวดวอดก้าในกระเป๋า ผมหยิบขวดขึ้นมา เปิดฝา
แล้วกระดกมันลงไปหนึ่งอึกใหญ่ ผมล้วงไปหยิบเอาบุหรี่ออกมา แต่ตอนที่กำลังจะจุด ผม
เปลี่ยนใจแล้ววางไฟแช็กลงบนโต๊ะ ผมนั้งลงไปบนพื้นห้อง เอาหลังพิงเตียงแล้วจ้องมองไปที่
กีตาร์ที่พิงอยู่ตรงพนัง ..ทำไมมือผมถึงไม่เลิกสั่นซะที...  ผมอยากจะดื่มน้ำ แต่ไม่มีน้ำอยู่ใน
ห้องเลย ..ทำไมผมถึงกลัว?... ผมหลับตาพยายามทำสมาธิ แน่นอน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมจะ
ต้องเล่นดนตรีให้คนอื่นฟัง ถ้าเกิดจะนับกันจริงๆ ตลอด2ปีที่ผ่านมา ผมเล่นสดต่อหน้าคนดูมา
แล้วนับครั้งไม่ถ้วน ผมไม่มีเหตุผลใดๆที่จะต้องประหม่า อยู่ดีๆ ผมนึกถึงมือของเคลซี่ตอนที่
เธอยื่นมาจับมือของผม ผมนึกถึงผมบลอนสั้นประบ่าของเธอ ใบหน้าที่กลมเรียวรับกับทรงผม
ของเธอเป็นอย่างดี ถึงหน้าตาของเธอจะดูธรรมดาแต่เธอมีแววตาที่สดใส จมูกของเธอมีขนาด
กำลังดี ริมฝีปากของเธอดูเล็กและบอบบาง หน้าอกของเธอที่นูนออกมาขนาดปานกลาง มันดู
ไม่เล็กจนเกินไปแต่เข้ากันกับรูปร่างผอมเรียวของเธอ พยายามนึกถึงส่วนต่างๆของเธอต่อไป 
ผมกลับพบตัวเองสาธยายลักษณะรูปร่างของ คริสตีน แฟนเก่าของผม แทนที่จะเป็นของ เคล
ซี่  นานเท่าไหร่แล้วที่ผมไม่ได้คุยกับครีสตีน นานเท่าไหร่แล้วที่ผมไม่ได้นอนกับเธอ ที่ผมไม่ได้
กอดและจูบเธอ ที่ผมไม่ได้ลูบไร้เอวและส่วนต่างๆของเธอ …ทำไมถึงต้องเป็นตอนนี้.. ผม
เอื้อมมือไปหยิบวอดก้ามาดื่มอีกหนึ่งครั้ง พยายามพยุงตัวลุกขึ้น หลังของผมเกิดอาการปวด
แบบบอกไม่ถูก …แล้วผมควรจะเล่นเพลงอะไร มันไม่มีเพลงอะไรที่ผมอยากเล่น.. ผมหยิบเอา
กีตาร์ขึ้นมาแล้วจ้องมองไปที่ภาพใบหน้าลางๆของผมที่สะท้อนอยู่บนตัวกีตาร์ ผมจ้องไปที่
ดวงตาของตัวเอง ดวงตาทั้งสองคู่จ้องมองกันราวกับจะอ่านใจของกันและกัน

ทันทีที่ผมเปิดประตูออกมา ท้องฟ้าด้านบนมืดลงอย่างเห็นได้ชัด ผมสังเกตุเห็นที่ลาน
ด้านหลังมีเก้าอี้ตั้งเด่นเอาไว้อยู่หนึ่งตัว ข้างหน้าเก้าอี้มีเทียนขนาดเล็กๆมากมาย จุดตั้งเอาไว้
เป็นเส้นแบ่งระหว่างคนดูกับคนเล่น ลุงดำและบิวนั้งคุยกันเบาๆอยู่บนเก้าอี้ท่อนซุง เคลซี่และ
มิราเบลนั้งนิ่งบนพื้นดินที่ปูเสื่อเอาไว้ ข้างหลังพวกเขามีคนที่คาดว่ามาพักที่โรงแรมมานั้งดูกัน
ประปราย ผมเดินไปที่ตรงเก้าอี้ พยายามไม่สบตากับเคลซี่และลุงดำ ผมมองไปที่มิราเบลนั้ง
นิ่งไม่ขยับเขยื่อน เช่นเดียวกับตุ๊กตาแมวสีเหลืองของเธอที่ตั้งอยู่ข้างๆ ผมหันไปที่เวทีเห็น
ลำโพงขนาดเล็กตั้งเอาไว้ ผมบรรจงเอาสายเคเบิลเสียบไปที่ลำโพงแล้วเอานิ้วรูดสายกีตาร์
เพื่อฟังเสียง ผมนั้งลงบนเก้าอี้แล้วหันหน้าไปเผชิญกับคนดู ทุกคนนั้งนิ่งแล้วจ้องมาที่ผม 
ราวกับจะรอให้ผมพูดอะไรซักอย่าง ..พูดอะไรซักอย่าง..

ทุกคนสบายดีมั้ย " ผมฝืนยิ้มแล้วทักทาย ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าสบายดี
" ..ผมเพ..เพลงนี้ " ผมหยุดเพื่อกลืนน้ำลาย " ผมไม่รู้จะเล่นเพลงอะไรดี " ผมตัดสิน
ใจสารภาพ ทุกคนนั้งนิ่งไม่ตอบอะไร
นิค ลองดื่มนี้ดูซักอึก " ลุงดำเดินมาหาผมตอนไหนไม่ทราบได้ แกยื่นแก้วใสขนาดเล็ก
ที่ข้างในมีของเหลวสีขาวมาให้ผม
มันคืออะไรครับ "
ใบมะเขือแจ้เครือดองตากีล่า ยาดองสูตรไทยผสมเเม็กซิกัน " ลุงอธิบาย " รีบดื่ม
เร็วๆ มันแก้อาการปวดหลังได้ " ลุงดำมองที่ผมทำท่าทางเป็นห่วง
" .ผม..ผม.. "
หนุ่มดูมีท่าทางไม่ค่อยดี ลองดื่มนี้มันช่วยได้ เชื่อลุงสิ " ลุงพูด ผมหยิบแก้วยกกระดก
ขึ้นจนหมด 
เพลงนี้เป็นเพลงนี่ผมแต่งเอง.. เมื่อไม่นานมานี้ ชื่อ.. ตัวโน๊ตสีเหลือง ผมบรรจงพูด
ออกไปแล้วก้มหน้าลงเล่นกีตาร์ ทันทีที่ผมก้มหน้า โลกทั้งโลกหมุนไปมา ผมรวบรวมแรงไว้ที่
ตรงมือทั้งสองข้าง ผมพยายามนึกถึงอะไรซักอย่าง แต่อะไรซักอย่างมันไม่มา ผมหลับตาแล้ว
พยายามทำใจให้สบาย แต่พอผมหลับตา ความมืดเผยให้เห็นดวงไฟกลมๆสีส้มสองดวง พอ
หลับตาปรี๋ พวกมันเปลี่ยนเป็นสีม่วง พอหย่อนตาอีกครั้งพวกมันกลายเป็นสีแดง ..นั้น
แหละ...นั้นแหละ.. ตัวผมทั้งตัวร้อนผ่าว ผมได้ยินเสียงนกร้องดังมาไกลๆ …นั้นแหละ...นั้น
แหละ... ผมลืมตาขึ้นเพื่อมองไปที่คนดู ทุกคนนั้งนิ่งราวกับว่าพวกเขากลายเป็นหิน พอเพลง
มาถึงท่อนที่สาม ผมเล่นโน๊ตบอดไปสองตัว แต่ผมไม่สนใจ ..นายไม่ใช่หรอก.. มือซ้ายของผม
ผ่อนลง ในขณะที่มือขวากำปิ๊กแน่นขึ้น ผมรู้สึกเหมือนว่าผมกำลังล่องลอย ไม่ใช่ในมหาสมุทร
หรือบนท้องฟ้า แต่เป็นในอวกาศที่ไร้ขอบเขตและไร้สิ่งใดๆทั้งปวง พอเพลงมาถึงท่อนย้อน
กลับ ผมเล่นมั่วอย่างไม่ตั้งใจ ผมเล่นผิดคอร์ด แต่ผมทำกลบเกลื่อนด้วยการดีดให้แรงขึ้น ผม
เลิกดีดที่ละเส้นแล้วสบัดข้อมืออย่างรุนแรงไปตามคอร์ด อยู่ดีๆ ผมกลับมาอยู่ในคอร์ดที่ถูกได้
อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ปิ๊กหล่นหายไป ผมใช้มือเปล่าตีคอร์ดอย่างรุนแรงต่อไป พอเพลงมาถึงท่อน
สุดท้าย ผมอาศัยช่วงเวลาหนึ่งวินาทีระหว่างคอร์ด ก้มลงไปหยิบปิ๊ก แต่ทันทีที่ผมก้มลงไป ผม
ทรุดลงไปนั้งกับพื้น แต่ด้วยสปิริต ผมต้องหาคอร์ดจบเพลงให้เจอ ถึงแม้ว่าเพลงจะยังไม่ควร
จบ ผมเล่นคอร์ดสุดท้ายปิดเพลง ผมกลับมานั้งบนเก้าอี้แล้วพูดขอบคุณ เสียงปรบมือดังออก
มาจากหมุ่คนดู 

โอ้โห นายสุดยอดเลยหว่ะ " เสียงคนดูผู้ชายตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ผมหัน
หน้าไปขอบคุณที่ผู้ชายผิวขาวผอม ในชุดเสื้อกล้ามกางเกงขาสั้น 
เยี่ยมมากกก " มิราเบลตะโกนออกมาจากหมู่คนดู 
ทุกคน มีเบียร์กับไวน์ไว้บริการอยู่ตรงมุมนั้น ขอให้ทุกคนวันนี้ ปาร์ตี้กันให้เต็มที่ " บิว
ยืนขึ้นแล้วพูดป่าวประกาศ ทุกคนโห่ร้องดีใจ ผมหันไปปิดแอมป์แล้วดึงสายกีตาร์ออก ลุงดำ
เดินมาหาผมหน้าเวที
เยี่ยมมาก ลุงไม่ค่อยสันทัดเลย เรื่องดนตรีเนี่ย แต่มันเป็นการแสดงที่จริงใจและเต็ม
ไปด้วยความรู้สึก " ลุงพูด ผมขอบคุณแล้วค่อยๆเดินออกมา ผู้ชายในเสื้อกล้ามเดินมาหาผม
พร้อมกับเคลซี่
นิค นี่จอช น้องชายของฉันเอง " เคลซี่พูดแนะนำ ผมยื่นมือออกไป แต่จอชทำมือเป็น
กำปั้นเอาไว้รอ
แท็คๆ " จอชเอากำปั้นมาชนกับกำปั้นผม
นายสุดยอดเลยหว่ะ กินอะไรเข้าไปเมื่อกี้ ยาปึ๋งปั๋ง ช่ายมั้ย " จอชกระพริบตาหนึ่ง
ข้างมาที่ผมแล้วเอามือตีเบาๆที่ไหล่ ผมพยายามยิ้ม
เป็นอะไร นายดูไม่ค่อยสบาย " เคลซี่ถาม
เราแค่เหนื่อยๆหน่ะ ขอไปนอนพักเอาแรง " ผมพูดแล้วปลีกตัวเดินออกมา มิราเบลมา
ยืนรอตรงประตู ทันทีที่เห็นผม เธอเดินเข้ามาทำท่าทางดีใจ
พี่นิคๆ พรุ่งนี้มิราเบลจะได้เล่นอะไรสนุกๆ พี่เคลซี่บอก "
ก็ดีหนิ "
พี่นิคเมื่อกี้ก็ดีมากเลย ดูเท่มากเวลาเล่น " 
นึกว่าเธอไม่ชอบดนตรีแจ๊ส "
ดนตรีแจ๊ส… " มิราเบลทำท่างง ผมหันไปมอง
หนูนึกว่ามันคือดนตรีที่พี่นิคคิดขึ้นเอง …สมุด โน๊ตสีเหลือง "