ในระหว่างที่ผมกำลังหาตำแหน่งเหมาะๆเพื่อที่จะวางกระป๋องน้ำ มีคนโทรมาหาผม ทันที
ที่มิราเบลแน่ใจว่าผมรู้เรื่อง เธอรีบเดินกลับลงไปด้านล่าง ผมวางกระป๋องน้ำไว้ตรงหน้าต่าง
ทางมุมซ้าย พยายามจะไม่ส่งเสียงดังให้เคลซี่ตื่น ผมย่องแบบเบาๆออกมาจากห้องของเธอ
ระหว่างทาง ตาของผมเหลือบไปมองที่เคลซี่หลับแบบหันข้าง เธอไม่กรนหรือส่งเสียงหายใจ
ใดๆออกมา เธอไม่มีทางรู้ตัวแน่นอนว่าผมแอบเข้ามาในห้องของเธอตอนกลางคืน เพื่อที่จะมา
วางกระป๋องน้ำไว้ทางทิศตะวันออก ตามที่ลุงดำแนะนำ " น้ำต้องได้รับตั้งแต่แดดวินาทีแรก
จนถึงแดดวินาทีสุดท้ายของวัน ห้องของเคลซี่อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุด เอาเข้าไปวางแล้วกลับมา
นอนพักผ่อน " ผมค่อยๆเปิดประตูแล้วเดินออกมา ทันทีที่ลงมาถึงด้านล่าง มิราเบลยื่น
โทรศัพท์มือถือของลุงดำมาให้ผม
" ฮัลโหล "
" รู้สึกอย่างไรบ้าง " เสียงแม่ของผมดังออกมาจากในหูโทรศัพท์
" ต้องดูกันยาวๆ " ผมตอบ
" แล้วมันดีขึ้นบ้างมั้ย "
" ไม่ค่อยเท่าไหร่ "
" มาคิดๆดู จริงๆถ้าแม่เอาสร้อยกับแหวนไปขาย ก็น่าจะมีเงินพอผ่าตัดได้อยู่ " แม่ผม
พูดในที่สุด " อยากจะกลับมารึยัง " แม่ผมถาม ผมหันไปมองที่มิราเบล
" ยังอยากลองดูอีกซักพัก "
" อีกซักพักนานแค่ไหน แม่คิดถึงมิร่าจะตายอยู่แล้ว ให้น้องกลับมาก่อนดีมั้ย " แม่พูด
ผมหันไปมองที่มิราเบลอีกครั้ง " ถือสายแป็ปนะ " ผมบอกแม่แล้วยื่นโทรศัพท์ให้มิราเบลคุย
ต่อ ผมรีบเดินกลับไปที่ห้องแล้วล้มตัวนอนลงบนเตียง ตัดสินใจที่จะนอนเฉยๆซักพักก่อนที่จะ
ไปอาบน้ำ ผมนอนจ้องมองเพดานห้องแบบไม่คิดอะไร หรือจะพูดให้ถูก ผมเหนื่อยเกินกว่าจะ
คิดอะไรออก ซักพัก ตาของผมปิดลง โดยไม่รู้ตัว ผมเรื่มฝัน ในฝัน ผมอาศัยอยู่ในกระท่อม
หลังนึง ตอนแรกผมนึกว่าผมอยู่คนเดียว แต่ข้าวของต่างๆที่วางกระจัดกระจายภายในบ้าน
ทำให้ผมเปลี่ยนความคิด ช้อนส้อมมีทั้งหมด 4 คู่ จานชาม มีเยอะเกินกว่าที่ผมจะใช้คนเดียว
ได้ ผมหันไปมองตรงที่คาดว่าเป็นที่นอน มีหมอนตั้งอยู่สองใบ ผ้าห่มสีน้ำเงินถูกพับอยู่อย่าง
เป็นระเบียบ ผมอยู่กับใคร? คนรักที่ผมไม่เคยเห็นหน้า? แสงแดดสีเหลืองทองส่องผ่าน
หน้าต่างที่แง้มเปิดไว้ด้วยไม้เล็กๆหนึ่งแท่ง ทอดยาวผ่านระหว่างกลางของโต๊ะที่ใช้วางเครื่อง
ครัว ความสว่างรูปสามเหลี่ยมปลายแหลมเผยให้เห็นฝุ่นที่เกาะหม้อและจานชามยาวเลยมาถึง
ละอองฝุ่นที่ลอยตัวอย่างช้าๆอยู่ตรงกลางของห้อง ราวกับว่ามีใครฉายไฟฉายเข้ามาในบ้าน
ร้างที่มืดทึบไปทั้งหลังแล้วหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้นไม่ขยับเขยื้อน ผมได้ยินเสียงลมพัดต้นไม้อยู่
เป็นระยะๆ เมื่อมองลอดผ่านช่องตรงหน้าต่าง ใบไม้ที่โดนลมสั่นไหวเป็นจังหวะทำให้หน้าต่าง
กลายเป็นเหมือนกับทีวี ผมหยุดยืนดู ซักพัก ผมเดินไปตรงประตูบ้านแล้วพลักประตูออกไป
ทันทีที่พลัก ประตูหลุดออกมาจากโครงของมัน ผมค่อยๆเอียงมันพิงเอาไว้ตรงกำแพงด้านนอก
ก้าวเท้าออกมาจากบ้าน ผมหันหลังกลับไปสำรวจตัวกระท่อม ตัวบ้านทำจากกิ่งไม้และฟางที่
อยู่ในสภาพทรุดโทรมเต็มที่ ที่ตามฟางทั่วบริเวณบ้านมีสีดำเข้มเป็นย่อมๆบ่งบอกถึงกาลเวลา
ผมหันหลังกลับไปมองที่วิวตรงข้ามเป็นวิวของทุ่งหญ้าที่ทอดยาวออกไป ตรงไกลสุดของ
สายตาเป็นภูเขาที่เต็มไปด้วยป่าไม้ทึบ ผมไม่รู้สึกถึงวี่แววของสิ่งมีชีวิตใดๆเลย แม้แต่มดสัก
ตัวก็ไม่มี ตอนแรกผมจะเดินออกไปเรื่อยๆ แต่มีอะไรบางอย่างบอกผมว่าผมต้องรอ รอใครคน
นั้นกลับมา ผมนั้งลงตรงก้อนหินข้างหน้าบ้านแล้วบรรจงรอ นั้งดูทุ่งหญ้าสีเขียวอ่อนกับสายลม
แสงแดดจ้าส่องกระทบกับหมู่ต้นหญ้าเป็นแสงระยิบระยับมากมายนับไม่ถ้วน ไม่มีอะไรทำ ผม
ตัดสินใจว่าจะนั้งนับมันให้ถ้วนว่ามีทั้งหมดกี่ดวง แต่เริ่มนับไปไม่ได้เท่าไหร่ ผมตื่น
ทันทีที่มองนาฬิกา ผมบังคับตัวเองลุงขึ้นจากเตียงเพื่อไปเข้าห้องน้ำ ในระหว่างที่อาบ
น้ำ ผมพยายามนึกถึงความฝันนั้นอีกครั้งแต่ผมจำไม่ได้ พอเดินออกมา ผมเห็นมิราเบลนั้งอยู่
ตรงเก้าอี้
" แม่บอกว่าอยากให้หนูกลับบ้าน " เธอพูดทันทีที่เห็นผมออกมาจากห้องน้ำ
" แล้วเธอบอกว่าไร " ผมเดินมานั้งลงบนปลายเตียงตรงข้ามกับมิราเบล พร้อมกับเอา
ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผม
" หนูบอกว่าจะกลับพร้อมกับพี่นิค "
" ซึ่ง..นั้นอาจจะนานมาก "
" ไม่นานหรอก มิราเบลรู้ ตอนอยู่กับพี่นิค เวลาไม่เคยนาน "
" มันอาจจะไม่สนุกไปตลอด "
" มันต้องสนุกสิ "
" เธอโตแล้ว มิราเบล เราเล่นด้วยกันได้ไม่ทุกอย่างหรอก... เธออายุเท่าไหร่นะ "
" 9 "
" นั้นไง เห็นมะ 9ขวบก็โตมากแล้วด้วย "
" หนูทำของเล่นเองได้แล้วด้วย พี่เคลซี่สอน ตอนแรกนะต้องไปตัดเอากิ่งไม้มา แล้วก็
มัดเชือก แล้วก็..แล้วก็.. " มิราเบลทำท่าทางครุ่นคิด ผมหยุดดูเหตุการณ์
" เธอควรไปนอนได้แล้ว มันดึกมากแล้ว "
" ไม่เอา หนูยังไม่ง่วง " มิราเบลยืนยัน เธอเริ่มเล่าต่อแต่ผมเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำ
" เราเหนื่อยมากเลย ไม่อยากคุยต่อแล้ว เธอต้องออกไปแล้วหล่ะ " ผมพูดออกมาจาก
ในห้องน้ำ ซักพัก ผมได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งออกไปนอกห้อง ตามติดมาด้วยเสียงร้องไห้ดังมา
จากไกลๆ รีบใส่เสื้อผ้า ผมเดินออกไปนอกห้อง มิราเบลกำลังนั้งก้มหน้าอยู่ตรงขั้นบันได ผม
ก้าวขากลับเข้ามาในห้องอย่างเร็วแล้วรีบปิดประตู ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ซักพัก ก่อนจะตัดสินใจ
เดินมานอนลงบนเตียง ผมกดสวิทช์ปิดไฟแล้วตัดสินใจหลับตานอน แต่พอผ่านไปไม่กี่วินาที
ผมเปิดไฟ รีบลุกออกจากเตียง แล้วเดินไปหามิราเบล
จากไกลๆ รีบใส่เสื้อผ้า ผมเดินออกไปนอกห้อง มิราเบลกำลังนั้งก้มหน้าอยู่ตรงขั้นบันได ผม
ก้าวขากลับเข้ามาในห้องอย่างเร็วแล้วรีบปิดประตู ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ซักพัก ก่อนจะตัดสินใจ
เดินมานอนลงบนเตียง ผมกดสวิทช์ปิดไฟแล้วตัดสินใจหลับตานอน แต่พอผ่านไปไม่กี่วินาที
ผมเปิดไฟ รีบลุกออกจากเตียง แล้วเดินไปหามิราเบล
" ถ้าเธอยอมกลับไปนอน เราจะเล่าเรื่องอะไรสนุกๆให้ฟัง " ผมเสนอข้อแลกเปลี่ยน มิ
ราเบลทำเหมือนไม่ได้ยิน
" จริงๆนะ มันสุดยอดมากเลย เราไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน "
" ไม่เอา แจ๊ส " เธอพูดด้วยเสียงสะอื้นแบบไม่ยอมสบตา
" ไม่ใช่หรอก ว่าแต่มันไม่ดีตรงไหน " ตอนแรกผมกะจะเล่าประวัติชีวิตของ หลุยส์
อาร์มสตรอง ให้เธอฟัง แต่ผมคงต้องเปลี่ยน
อาร์มสตรอง ให้เธอฟัง แต่ผมคงต้องเปลี่ยน
" ไม่เอา แจ๊ส "
" แน่นอนๆ นี่มันยิ่งกว่าแจ๊สอีก นี่มัน... " ผมนึกคำไม่ออก " นั้นแหละ ว่าไง ตกลงมั้ย "
" มิราเบลไม่อยากกลับบ้าน พี่นิคต้องสัญญา ว่าให้อยู่ต่อ หนูถึงจะตกลง "
" แน่นอน เธอไม่ใช่เด็กๆแล้วหนิ ไม่มีใครห้ามเธอได้ "
" สัญญา ? " มิราเบลรีบหันหน้ามาพร้อมรอยยิ้ม
" สัญญา " ผมตอบ
ผมกับมิราเบลเดินลงบันไดมาจนถึงด้านล่าง พอมาถึงตรงหน้าเคาร์เตอร์ไม้ ผมอุ้มเธอขึ้น
ไปนั้งด้านบน มิราเบลทำท่าทางบิดขี้เกียจแล้วล้มตัวนอนราบลงไปบนเคาร์เตอร์ ฝืนตัวเองให้
ลืมตา เธอหันมาพูดกับผม
" พร้อมและ " ที่แววตาของเธอยังคงมีคราบน้ำตาหลงเหลืออยู่ ผมยาวหยักโศกสี
ทองแดงของเธอ สยายแผ่กระจายออกเป็นวงกว้างคล้ายกับหางของม้า ด้วยความล้า ผม
ทองแดงของเธอ สยายแผ่กระจายออกเป็นวงกว้างคล้ายกับหางของม้า ด้วยความล้า ผม
แอนตัวไปพิงกับเคาร์เตอร์ด้านหน้า แล้วบรรจงยืนในลักษณะเอาคางหนุนข้อมือทั้งสองข้าง
สายตาจับจ้องไปที่ประตู แต่ในหัวผมพยายามนึกถึงเรื่องอะไรซักอย่าง ผมไม่รู้จริงๆว่าจะเล่า
อะไร
" ก่อนที่จะเล่า ขอถามอะไรเธออย่างได้มั้ย " ผมเอียงคอไปถาม ตอนนี้มิราเบลนอน
หงายมองไปที่เพดาน
หงายมองไปที่เพดาน
" เธอเชื่อในโชคชะตามั้ย " ผมถามโดยไม่รอ
" โชคชะตา "
" อือ โชคชะตา "
" โชคชะตา คือ อะไร "
" มัน..คือ.. สิ่งที่อยู่ดีๆก็เกิดขึ้นกับเรา แบบที่เราควบคุมมันไม่ได้ "
" เหมือนกับ อึแตก ช่ายมะ " มิราเบลขำ
" ประมาณนั้น " ผมถอนหายใจ
" งั้นหนูเชื่อ แล้วพี่นิคหล่ะ เชื่อรึเปล่า " เธอพูดต่อ
" เชื่อสิ เรื่องขี้นี่สำคัญมากเลย " ผมกับมิราเบลหัวเราะพร้อมกัน
" เอาหล่ะ จะเล่าให้ฟังถึงนิทานสุดยอดในตำนาน เกี่ยวกับ "อุจจาระ" เนี่ยแหละ
พร้อมจะฟังแล้วช่ายมั้ย "
" ยี้! มันจะสนุกหรอ ไม่ดีหรอก "
" เปล่าๆ อันนี้มันเป็นขี้ที่ไม่ธรรมดา มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่อยู่ดีๆวันนึงเข้าก็ไม่
สามารถ ทำธุระส่วนตัว ได้อีกต่อไป "
" แล้วมันไม่ทรมาณหรอ "
" ทรมาณสิ ทรมาณมากเลย เธอเองก็คงเคยทำช่ายมั้ย อั้นมันไว้นานๆ มันทรมาณ
มาก แต่ลองนึกดูสิ เด็กหนุ่มคนนี้เขาต้องอั้นมันไว้ตลอดกาล "
มาก แต่ลองนึกดูสิ เด็กหนุ่มคนนี้เขาต้องอั้นมันไว้ตลอดกาล "
" ตลอดกาล "
" ใช่ ข้างนอกเขาก็เหมือนเด็กหนุ่มธรรมดาๆทั่วไป เขาใช้ชีวิตธรรมดาๆ ตื่นมาตอนเช้า
ไปโรงเรียน เรียนหนังสือ เล่นกับเพื่อน กลับบ้าน กินข้าว นอน อะไรทำนองนั้น สิ่งเดียวที่เขา
แตกต่างคือ เขาไม่สามารถขี้ได้ แล้วต้องอั้นมันไว้อยู่อย่างนั้น แล้วเขาก็ต้องซ่อนความรู้สึก
ปวด เอาไว้ไม่ให้ใครรู้ "
" เขาฉี่ได้รึเปล่า "
" ฉี่ได้ตามปกติ อึไม่ได้อย่างเดียว "
" แล้วทำไมเขาต้องซ่อนมัน "
" เพราะว่า..เพราะ..เขาไม่อยากถูกเพื่อนๆหรือทุกคนล้อว่า แปลกประหลาด "
" แย่มาก หนูเกลียดพวกชอบล้อ "
" อืมม "
" พี่นิค ตลอดกาลนานแค่ไหน " มิราเบลสงสัย ผมพยายามนึก
" นานมาก พี่รู้แค่นี้แหละ "
" ทำไมเขาไม่บอกแม่ของเขา "
" ไม่มีใครช่วยได้ ไม่แม้แต่หมอ "
" แม้แต่หมอก็ช่วยไม่ได้ "
" ถูกต้อง "
" เขาไม่เศร้าแย่หรอ บอกใครก็ไม่ได้ ให้ใครช่วยก็ไม่ได้ "
" เศร้าที่สุดเท่าที่คนๆนึงจะเศร้าได้ " ผมหยุดพูดไปชั่วขณะ มิราเบลนอนนิ่งไม่
ขยับเขยื้อน
" เวลามิราเบลเศร้า มิราเบลจะร้องเพลง " เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบ
เอากล่องสี่เหลี่ยมรูปร่างคล้ายกล่องไม้ขีดออกมา แล้วเธอค่อยๆบรรจง หมุนแท่งเหล็กเล็กๆที่
ยื่นออกมาจากด้านข้างของกล่อง เสียงดนตรีเบาๆดังออกมาแบบไม่ประติดประต่อ
" Beautiful dreamer…wake up to me…star light and dewdrop.. are
waiting for tree… " เธอร้องท่อนเดียว ซ้ำๆวนไปวนมา แต่เสียงร้องของเธอผิดคีย์และไม่
ตรงจังหวะกับไอ้กล่องดนตรีนั้น
" พี่นิค หนูง่วงนอนแล้ว " มิราเบลยื่นกล่องดนตรีมาให้ผม แล้วหลับตาลง
" นี่ๆ " ผมเขย่าแต่เธอทำเหมือนไม่รู้สึก " อย่าพึ่งนอนตรงนี้ " ผมพยายามปลุก แต่มิรา
เบลนอนนิ่ง ปล่อยให้แสงจากหลอดไฟที่อยู่ด้านบน ส่องลงมาที่ใบหน้าตอนหลับของเธอ
ผมเอากล่องที่อยู่ในมือขึ้นมาดู ด้านหน้ามีรูปของเด็กผู้ชายที่มีปีกเป็นผีเสื้อ ยืนอยู่บนเรือที่
ผมเอากล่องที่อยู่ในมือขึ้นมาดู ด้านหน้ามีรูปของเด็กผู้ชายที่มีปีกเป็นผีเสื้อ ยืนอยู่บนเรือที่
ทำจากใบไม้ ภาพของมันทำให้ผมนึกถึงช่วงเวลาสมัยยังเป็นเด็ก ทันใดนั้นผมนึกขึ้นได้ ว่าผม
เคยได้ยินเมโลดี้นี้ที่ไหนซักแห่ง มันน่าจะเป็นเพลงของ สตีเว่น ฟอสเตอร์.."บิวตีฟูล ดรีม
เมอร์"
" พอไม่อยากนอน ก็บอกให้ไปนอน พอหนูง่วง ก็บอกไม่ให้นอน " มิราเบลบ่นพึมพำออ
อกมาทั้งๆที่หลับตา
" พี่นิค นี่ เข้าใจยากจริงๆ "
" พี่นิค นี่ เข้าใจยากจริงๆ "